เราโชคดี

ฉันเคยมีเพื่อนเป็นทหารสมัยเรียนปริญญาโทบริหารธุรกิจอยู่คนหนึ่ง (เคยถามเค้าว่า มาเรียนทำไมเนี่ย ไม่เห็นเกี่ยวกับการเป็นทหาร ได้คำตอบคืออยากเปิดโลกทัศน์ อืม จริงด้วยเราควรเรียนรู้อะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่เราคุ้นเคย เพื่อเปิดตาให้กว้างขึ้นจริงๆด้วย) มีอยู่ช่วงหนึ่งเค้าบอกว่าจะไปต่างประเทศในโครงการของสหประชาชาติ ร่วมกับกองทัพไทย ฉันคิดว่าคงเป็นประเทศที่เราต้องรู้จักคุ้นหูกันดี ปรากฎว่าเพื่อนเอ่ยชื่อมา เป็นประเทศที่ต้องถามอีกครั้งว่าพูดช้าๆสิ ชื่ออะไรนะ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะรู้มั้ยว่าอยู่ตรงไหนบนโลก ฉันขอไม่เอ่ยชื่อประเทศนะคะ เอาเป็นว่าอยู่ในทวีปแอฟริกาค่ะ

เพื่อนไปประมาณ 2 เดือนก็กลับมาค่ะ สภาพของเพื่อนคือ ผอม ดำ ดูเหนื่อยล้า หม่นหมอง ฉันเลยถามทุกข์สุขว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อนเล่าว่าสุดๆไปเลย ไม่ใช่งานหนักนะ งานหนักน่ะทำอะไรเราไม่ได้ งานที่นั่นค่อนข้างสบายอยู่ในสถานที่ที่เขาจัดไว้ให้ มีรั้วรอบขอบชิดและความสูงของรั้วนี่สูงมากๆ และจะพันลวดหนามไว้ด้วย เพื่อสวัสดิภาพของผู้ที่อยู่ข้างใน ฉันฟังก็ ห้ะ ขนาดทหารยังต้องระวังกันขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อนเลยเล่าต่อว่า เชื่อไหมว่าที่นั่นคือนรกบนดิน เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นว่ามันมีจริงๆ คนที่นั่นผอมมาก มีแต่ความหิวตลอดเวลา เพราะพื้นที่แห้งแล้งมาก ถ้าใครคิดจะเพาะปลูกอะไร พืชนั้นจะไม่มีทางได้เติบโต เพราะทันทีที่งอก จะถูกขโมยไปกินทันที ความเป็นครอบครัวไม่มีเลย คือ พี่น้องพร้อมจะฆ่ากันตลอดเวลา ถ้าเห็นว่าอีกฝ่ายมีอาหารอยู่ มันเป็นขนาดนั้นจริงๆ

เพื่อนยังเล่าต่อว่า เมื่อไปถึงแรกๆ คนที่อยู่ก่อนจะเตือนว่า อย่าโยนอาหารให้กับคนที่เกาะอยู่ที่ริมรั้ว ถ้าไม่อยากเห็นคนฆ่ากัน เพื่อนบอกว่ากินข้าวแทบไม่ลง ถ้ากินต้องไม่เงยหน้ามองหน้าต่าง มันสลดใจมากๆที่เห็นมนุษย์บนโลกเดียวกันแต่สภาพความเป็นอยู่แตกต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว แล้วเวลาที่ต้องออกไปทำงาน ต้องระแวดระวังตัวทุกย่างก้าว ต้องไม่เปิดช่องให้กับความอันตรายที่อยู่รอบตัวได้แม้แต่ขณะเดียว ทำให้เพื่อนอยู่ที่นั่นด้วยความเครียดอย่างมาก เพื่อนบอกว่ามิน่าเขาถึงให้ทหารแต่ละรอบที่ไปอยู่ อยู่รอบละไม่เกิน 2-3 เดือน คงเพราะเหตุนี้

ฉันถามเขาว่าทำไมสภาพบ้านเมืองเขาเป็นอย่างนั้นล่ะ เพื่อนบอกว่ามันมีความแตกแยก เกิดสงครามกลางเมืองมาก่อน แล้วสิ่งที่เหลือจากสงครามคือหายนะ ที่คนที่ยังอยู่ก็ต้องอยู่ในสภาพอย่างที่เห็นนั่นแหละ เฮ่อ เพื่อนถอนหายใจและบอกว่าเล่าแค่นี้พอ ไม่อยากคิดถึงมันอีก ขนาดแค่เล่ายังสลดใจ ขอฟื้นฟูจิตใจก่อน แค่ได้กลับมาเมืองไทยก็เหมือนสวรรค์แล้ว รู้สึกโชคดีจริงๆที่เกิดมาบนแผ่นดินไทย ที่แสนสงบและอุดมสมบูรณ์ ร่มเย็นเป็นสุข มนุษย์ยังเป็นมนุษย์อยู่ กลับมานี่เข้าใจเลยว่าทำไมเคยมีภาพคนที่จากไปอยู่ต่างประเทศนานๆ เมื่อได้เหยียบแผ่นดินไทยอีกครั้ง ถึงอยากกราบลงบนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างซาบซึ้งใจว่า นี่เป็นแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน ที่ให้ความอบอุ่นและสุขกาย สุขใจจริงๆ

ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักผืนแผ่นดินนี้ และจะตอบแทนด้วยความกตัญญู ต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ต่อไปตราบสิ้นลมหายใจค่ะ

อยากให้พวกเรารู้สึกเหมือนฉันค่ะว่า เราแสนโชคดีที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินที่เป็นแผ่นดินแม่ของพวกเราทุกคน