ขนมครกสิงคโปร์ ขอร้อนๆค่ะ

เคยคุยกับใครแบบระแวงป้องกันตัวไหมคะ

วันนี้ได้เจอการคุยกันแบบนี้ค่ะ คือหลังจากเดินเข้าร้านหนังสือแล้วฝังตัวอยู่ในร้านเกือบสองชั่วโมง(ความสุขสุดๆ) พร้อมกับหนังสืออีกสี่เล่ม หลังจากไม่ได้มาแถวสยามสแควร์พักใหญ่ เลยเดินดูวิวสยามไปเรื่อย การเดินครั้งนี้เหมือนมาหลังสงครามเลย แต่มันเป็นสงครามโควิด ร้านร้างๆเต็มไปหมด ตึกแถวเก่าๆใกล้ถนนพญาไท เยื้องคณะเภสัชฯ จุฬาถูกทุบหลายตึก รวมถึงตึกทื่เคยเป็นร้าน s&p กับครัวอินเตอร์ กลายเป็นตึกสูงใหญ่มาก อืม อะไรๆก็ไม่หยุดนิ่งจริงๆ

เดินไปเรื่อยเห็นมีร้านขายขนมครกสิงคโปร์ และขนมโตเกียว (ขนมสุดฮิตสมัยเรียน) ดูสีสันสดใสน่ากิน เลยแวะซื้อขนมครกสิงคโปร์หน่อย ยิ่งกินตอนร้อนๆหนึบๆอร่อยหนุบหนับมาก บอกน้องที่นั่งหน้าร้านว่า ขอกล่องนึงขอร้อนๆนะคะ น้องไม่รับคำ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เอื้อมมือไปหยิบกล่องที่ใส่ขนมรอลูกค้าไว้แล้ว ฉันเห็นแล้วเดาทรงว่าคงใส่ไว้นานแล้ว ไม่น่าจะร้อนแล้ว สงสัยที่สั่งน้องขอร้อนๆ น้องคงไม่ได้ยิน ฉันเลยถามน้องว่า ร้อนไหมคะ (เพราะในใจมั่นใจว่าเย็นชืดแน่) น้องทำหน้านิ่งและบึ้งกว่าเดิม ตอบว่า ก็ถ้ากินตอนนี้เลยเลยมันก็ร้อน ไม่เชื่อก็จับดูได้

อืม บทสนทนาข้างบนเต็มไปด้วยบทสนทนาแห่งความคิดทั้งสองฝ่ายจริงๆนะคะ มีทั้งการตัดสิน และการปกป้องตัวเอง ไม่มีอะไรที่ดูเป็นมิตรกันเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น

(ข้างล่างนี้คือความคิดในใจของฉันเอง หลังสั่งซื้อและแม่ค้าไปหยิบกล่องที่ใส่ขนมไว้แล้ว และเดาในส่วนของคนขาย จากคำพูดและกิริยาของเค้า)

ฉัน – คิดว่าแม่ค้าก็ต้องปกป้องประโยชน์ของตัวเอง เอาขนมที่ทำเสร็จนานแล้วมาขายก่อน (เพราะเคยมีประสบการณ์แม่ค้าทำแบบนี้บ่อย ทั้งๆที่เราขอร้อนๆ) เลยทำหน้าเฉยๆ ทำเป็นไม่ได้ยินที่ฉันสั่ง เพราะไม่เห็นพยักหน้า หรือรับคำ หรือเราพูดเบาแล้วเค้าไม่ได้ยินหว่า
คนขาย – คิดว่าฉันหาว่าเขาหยิบของเย็นๆให้ โมโหกึ้ก
ฉัน – แหมเรื่องแค่นี้ต้องมาย้อนกันด้วย ตอบดีๆก็ได้ว่า ร้อนค่ะ ก็จบมั้ย
คนขาย – ขอตอบแซะ ยอกย้อนหน่อย ต้องตอกให้บ้าง มาพูดเหมือนว่าเรา

เฮ่อ ทั้งเราทั้งเขาก็อัตตาทั้งคู่ พอกัน เพราะถ้าตัวเราไม่เป็น สิ่งนี้ก็คงไม่ติดอยู่ในใจฉันหลังการซื้อ เอ่..หรือว่า….ฉันคิดแทนน้องเขา จริงๆเขาไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ (ฮาาาา)

การซื้อของในสมัยก่อน ฉันว่ามันมีความสนุกกว่านี้นะ มีการพูดคุยหยอกๆกันระหว่างพ่อค้าแม่ขาย และลูกค้า เหมือนการซื้อขายแบบให้ความรู้สึกที่ดีต่อกันไปด้วยในตัว คือนอกจากแลกเปลี่ยนสินค้ากับเงินแล้ว เรายังได้เพื่อนมนุษย์และความสัมพันธ์ดีๆเพิ่มเข้ามาด้วย ต่างจากสมัยนี้มากเลยที่ให้ค่าการซื้อขายคือการแลกเปลี่ยนระหว่างสินค้ากับเงินเท่านั้น มันแห้งแล้งมากๆเลย

ยิ่งสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ของฉันนั้น เวลาไปซื้อของจะมีการต่อราคาสนุกสนาน หัวเราะกัน ยิ้มกันระหว่างคนซื้อกับคนขาย ประมาณอะลุ้มอล่วยต่อกัน ช่วยซื้อได้ก็ซื้อ หรือ ถ้าพอกำไรได้ก็ขาย และจบลงด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกสนุก ฉันเองเป็นผู้ดูก็ยังพลอยรู้สึกสนุกไปด้วยทุกครั้งที่ฉันได้ตามไปซื้อของ จะว่าแก่ก็แก่ค่ะ ฉันคิดถึงความถ้อยทีถ้อยอาศัยจัง