จุดอ่อนคือจุดปลดปล่อยศักยภาพ

จุดอ่อนช่วยชี้ช่องการเปิดศักยภาพให้เรา

ตอนเด็กๆฉันเคยกลัวการพูดหน้าห้องมาก เพราะมัวแต่กังวลสายตาผู้อื่น และสมัยนั้นในห้องเรียนก็ไม่ค่อยให้นักเรียนมาทำอะไรหน้าชั้น ฉันเลยรอดตัวไปค่ะ (ควรจะดีใจหรือเนี่ย อดได้ฝึกฝนเลย^^)

ตอนที่ฉันเรียนโทอยู่ (ไม่ใช่โทต๊องนะ (อย่าผวน) โทจริงๆค่ะ 555) มีวิชาหนึ่งซึ่งอาจารย์ดูเฮี้ยบ และดูเป็นคนฉลาดลึกซึ้งมาก วิชานั้นคือปรัชญาการบริหาร ซึ่งจะเรียนตำราภาษาอังกฤษ มีครั้งหนึ่งที่อาจารย์ให้แบ่งกลุ่มแปลแล้วมาพรีเซนต์หน้าห้อง ในกลุ่มฉันเองก็แบ่งแล้วแยกย้ายกันไปต่างคนต่างแปลแล้วมาเจอกันวันพรีเซนต์เลย (เพราะต่างคนก็ต่างต้องทำงานประจำช่วงกลางวันกัน ไม่มีเวลามารวมกลุ่มกันเท่าไหร่) ตั่ยๆๆ ตั่ยแล้ววว ฉันแปลไปมึนตึ๊บไป ภาษาก็เป็นอังกฤษและยังเป็นแนวปรัชญาบริหาร ที่เกิดมาไม่เคยได้อ่านหนังสือแนวนี้ภาษาอังกฤษเลย พอแปลเสร็จก็ซ้อมพูด ซึ่งเรียกได้ว่าพูดสามวาสองศอก จับใจความหลังจากพูดเองยังไม่ได้เลย เพราะไม่เข้าใจเนื้อหาจริงๆ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด แบบที่คิดว่าเอาที่เราเข้าใจว่าเนื้อหาน่าจะสื่อแบบนี้

พอถึงวันที่พรีเซนต์ หน้าตาเพื่อนแต่ละคนก็ดูเหนื่อยจากการทำงานกันมา เข้าห้องเรียนก็มัวแต่หมกมุ่นแต่บทที่ตัวเองรับผิดชอบ หลายๆกลุ่มก็พรีเซนต์ผ่านไป จนมาถึงกลุ่มฉันเริ่มพรีเซนต์ แล้วก็มาถึงคิวของฉัน ฉันเดินขาสั่นออกไป เพราะอาจารย์ดุมาก (ขนาดตอนนั้นฉันอายุ 28 แล้ว ยังกลัวมากกก เหมือนหนูกลัวแมวเลยค่ะ) พอเริ่มพูดฉันก็พูดจากความเข้าใจ และใจก็หลุดเข้าไปในเนื้อหาที่พูด จนหมดเนื้อหาที่เตรียมมา ปรากฎว่าพอเดินกลับมาที่นั่ง เพื่อนๆก็บอกว่าพูดได้ดีมาก เข้าใจง่าย พูดได้ดีกว่าทุกคนเลย หืม ดีหรอเนี่ย โห ความมั่นใจมาเต็มมาก

หลังจากนั้นก็มีการให้พรีเซนต์แผนงานที่บริษัท ปกติดีเทลยาสมัยนั้น ไม่ต้องมีการพรีเซนต์งาน ขายให้ถึงเป้าก็พอ งานพรีเซนต์นี้ก็น่าหวั่นอยู่เหมือนกัน เพราะยอดขายของฉันก็พอประทังไปได้แต่ไม่ถึงกับดีเด่นมาก และมีผู้บริหารเกือบใหญ่สุด และผู้บริหารระดับกลางมาฟังด้วย

ฉันก็เตรียมพรีเซนต์แบบเอาใจเขามาใส่ใจเราว่า คนฟังระดับนั้นต้องการฟังอะไร ต้องการเห็นข้อมูลอะไร ก็นำเสนอไปตามนั้น พอพรีเซนต์เสร็จ พี่ที่เป็นผู้บริหารระดับกลางที่ฉันรู้สึกว่าแกไบรท์มาก กลยุทธ์การตลาดของแกแหวกแนวและล้ำจริงๆ แกคอมเมนต์ว่า ฉันเป็นคนที่มีของในตัวมาก เพียงแต่ยังขาดเวทีให้แสดงออกเท่านั้น ฉันฟังแล้วปลื้มมากและก็รู้สึกทันทีว่า ตอนนี้จุดที่ว่าเป็นจุดอ่อนของฉัน พอฉันข้ามพ้นมันได้ มันเหมือนเปิดจุกคอร์ก ที่ปากขวด หรือเหมือนภูเขาไฟระเบิดสิ่งที่อยู่ภายในให้ออกมาเลย

ยิ่งไปกว่านั้น จุดอ่อนที่กลายเป็นจุดแข็งของฉันนี้ ได้กลายเป็นอาชีพที่ฉันชอบมาก คือฉันได้ทำงานแผนกพัฒนาทีมขาย คือเป็นงานสอน งานอบรมให้ทีมขาย ซึ่งเป็นงานที่ชอบมากและมีความสุขมากแม้ว่าบางช่วงอาจรู้สึกเบื่อบ้างตามปกติของงานทุกงาน แต่พอเริ่มลงมือทำงานแล้วจะเหมือนองค์ลงทันที

ครั้งนั้นทำให้ ฉันเริ่มเปลี่ยนมุมมองความรู้สึกที่มีต่อจุดอ่อนไปเลย รู้สึกว่ามันเป็นการบอกใบ้การเปิดจุดระเบิดศักยภาพให้เราต่างหาก^^