ความรู้สึกขอบคุณ

ฉันเคยเข้าอบรมคอร์สหนึ่งเป็นการเรียนรู้ inner child หรือเด็กน้อยที่อยู่ในตัวเรา โดยครูให้จับไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งแล้วให้เราเล่าชีวิตในวัยเด็ก ที่สัมพันธ์กับไพ่ใบนั้น ฉันได้ไพ่ 5 เหรียญ ซึ่งคนที่อ่านไพ่ทาโร่ต์ได้ก็จะรู้ว่ามันอาจแปลได้ว่าเป็นความรู้สึกขาด หรือไม่ได้มองเห็นสิ่งที่ดีที่มีอยู่ พอฉันเล่าประสบการณ์ในวัยเด็กให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ที่ฉันต้องเรียนอยู่ในโรงเรียนคนรวย แต่ครอบครัวฉันมีแค่ประคับประคองให้ชีวิตดำเนินไปได้ ไม่สามารถใช้ฟุ่มเฟือยได้ตามใจตัวเอง

ฉันเองเนื่องจากเป็นลูกคนเล็ก เพราะฉะนั้น เสื้อผ้าชุดนักเรียนของพี่สาวทั้งสองคน ก็จะตกทอดมาให้ฉันใส่อยู่เป็นเรื่องปกติ ฉันจะได้ชุดนักเรียนใหม่ก็ต่อเมื่อ ฉันอ้วนเกินกว่าจะใส่ชุดของพี่สาวได้ รวมถึงหนังสือ อุปกรณ์การเรียนต่างๆที่จะเก่า ยับเยิน จนฉันต้องห่อปกปกปิดความเก่า ส่วนด้านอาหารการกินนั้นก็มีแค่อาหารจานหลัก ส่วนขนมแทบจะเรียกว่าเลิกคิดที่จะซื้อกิน เพราะไม่มีเงินเหลือให้ซื้อ ฉันได้แต่มองเพื่อนซื้อขนม ไอติม เครื่องดื่ม อย่างอยากกินบ้าง ความรู้สึกแบบนี้สะสมขึ้นพอกพูนขึ้นกลายเป็นความรู้สึกขาดโดยฉันไม่รู้ตัว เพราะเกิดการเปรียบเทียบกับเพื่อนๆผู้ร่ำรวย ที่ช่วงปิดเทอมก็บินไปซัมเมอร์หรือไปเที่ยวเมืองนอกกันเป็นว่าเล่น ไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้า หรืออุปกรณ์การเรียนที่ใหม่เอี่ยม (ฉันชอบกลิ่นใหม่ของพวกเครื่องเขียนมาก ฉันเลยเป็นโรคจิตนิดๆที่ชอบเข้าร้านเครื่องเขียน แค่เดินๆเข้าไปดูโน่นนี่ แล้วก็เดินออก แค่นี้ก็แสนจะสุขใจ)

พอฉันเล่าเรื่องราววัยเด็กจบ ครูที่สอนในคอร์สก็บอกฉันว่า ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในภาวะที่ขาดแคลนแล้ว มันจบไปแล้ว ขอให้ชื่นชมและขอบคุณกับสิ่งที่เรามีทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในปัจจุบัน ฉันก็เลยเพิ่งรู้ว่า ไอ้โรคบ้าช้อปปิ้งของฉันที่เป็นขั้นอาการหนัก คือต้องหาเรื่องซื้อของทุกวัน นี่มันเป็นความรู้สึกขาดที่สะสมมาจากวัยเด็กนี่เอง แต่ก็ใช่ว่ามันจะหายไปได้ง่ายๆนะคะ เพราะตอนสะสมมันยังสะสมมาตั้งนาน แล้วพอรู้สาเหตุแล้วมันจะหายวับไปกับตาก็ใช่ที่ ฉันก็เลยต้องฝึกความรู้สึกพอ และชื่นชมกับสิ่งที่มี ไม่ใช่เอาแต่ไปมองหาแต่สิ่งที่ไม่มีเหมือนที่ผ่านมา

ฉันก็เลยหันมาฝึกการชื่นชมและขอบคุณสิ่งที่ฉันมี สิ่งที่ฉันเป็นอยู่ค่ะ คือก่อนนอน และหลังตื่นนอน จะต้องนึกถึงความโชคดีของตัวเอง ชื่นชม และขอบคุณตัวเองและสรรพสิ่งดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตค่ะ ฝึกการมองด้านบวก เพราะทุกอย่างมีสองด้านใช่ไหมคะ ที่ผ่านฉันเลือกมองด้านลบ แต่ฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการมองหาด้านบวก แปรสิ่งที่ฉันได้จากเหตุการณ์ต่างๆให้เป็นประโยชน์ เป็นบทเรียนในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มีความสุขขึ้น แล้วเชื่อไหมคะ พอฝึกความรู้สึกพอ พอใจกับสิ่งที่มี ฉันทำสมาธิได้ดีขึ้นค่ะ เพราะพอ”รู้สึกพอ” ฉันก็พอใจในปัจจุบันของลมหายใจไปด้วยค่ะ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ตลอดนะคะ แต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนก็พอใจแล้วล่ะค่ะ

มาฝึกการสร้างความรู้สึกพอ ชื่นชม ขอบคุณสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็นกันนะคะ ชวนๆทุกคนเลยค่ะ^^