ฟังฟองก่อน

เคยไหม เวลาที่เราโกรธที่ถูกใครทำร้ายจิตใจ เราไม่ต้องการ”ผู้เชี่ยวชาญ” เราต้องการคนที่พร้อมจะเป็นข้างเดียวกับเรา และเราไม่ต้องการให้ใครมาตัดสินว่าอะไรถูก อะไรผิด เราต้องการคนรับรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร

ฉันเคยมีความรู้สึกพลุ่งพลานเก็บกดอยู่ภายในจากการถูกบูลลี่ในที่ทำงานแบบพวกมากเข้าว่า ฉันเล่าให้คนใกล้ตัวฟัง คนเหล่านั้นก็ทำหน้าแบบรับรู้ เห็นใจ(แบบที่คิดว่าสมควรทำ) ถามเพิ่มรายละเอียดนิดหน่อยเพื่อให้ดูว่าสนใจอยู่นะ แล้วก็ให้คำแนะนำ แต่ฉันดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้สนใจจะรับฟังจริงๆ การทำเป็นรับฟังของเขา มันไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย แล้วฉันก็ไปเล่าให้คนต่อไปฟังต่อ เพราะฉันต้องการใครสักคนที่รับฟังด้วยใจ รับรู้ความรู้สึก แต่ผ่านไป 3-4 คน กิริยาของพวกเขาแสดงให้ฉันรับรู้กลายๆประมาณว่าฉันดราม่าไปเองหรือเปล่า ฉันยิ่งรู้สึกเดียวดายท่ามกลางผู้คนมากขึ้นไปอีก

แต่โชคดีของฉันยังมีอยู่ ฉันโทรไปหาพี่ที่เคยอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน บริษัทเดียวกัน สถานการณ์เดียวกัน แต่ฉันเข้ามาแทนเขา ฉันพูดๆๆๆๆเพื่อระบายสิ่งที่เก็บกดที่ประดังประเดในใจออกมา พี่คนนี้ตั้งใจฟัง บอกว่าเข้าใจที่ฉันพูดทั้งหมดเลย เพราะเจอเหมือนกัน ตอนที่เจอก็เป็นแบบฉันนี่แหละเลยลาออกไง เท่านั้นเองที่ฉันอยากได้ คือคนที่เข้าใจความรู้สึกของฉัน คนที่รับฟังฉันจริงๆ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็รู้สึกว่าพี่คนนี้เป็นพื้นที่พักใจ เป็นที่เยียวยาจิตใจที่ยับเยิน ทั้งๆที่พี่เขาก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยอะไรได้มากกว่าการรับฟังพูดคุย แนะนำบ้าง แต่ความรู้สึกของฉันมันเหมือนกับขวดน้ำโคล่าที่ถูกเขย่า จนเกิดฟองเต็มไปหมด มันพลุ่งพล่านมาก มันต้องการการปลดปล่อยออกมาให้หมดก่อน น้ำโคล่านั้นจึงจะใสขึ้น พี่คนนี้เหมือนกับคนที่ปล่อยให้ฟองของฉันมันไหลออกมาได้หมด พอหมดแล้ว จิตใจฉันก็เบิกบานขึ้น พร้อมจะรับฟังคำแนะนำจากพี่เขาได้แล้ว (คนใกล้ตัวก่อนหน้าที่ฉันจะคุยกับพี่คนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเขาเอาฝามาปิดขวดมากกว่า)

อันนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญของฉันเลย คือ เวลาใครมาระบายอะไรให้ฟัง ก็จะรับฟัง”ความรู้สึก’ของเขาก่อน เรื่องผิดเรื่องถูกมันอีกเรื่องหนึ่ง อีกขั้นตอนหนึ่ง ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะถ้าตั้งแต่เริ่มเราไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจเขา บทสนทนาต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา คือตอนที่จิตใจเขายับเยินเราเยียวยาความยับเยินก่อน ไม่ใช่ไปชี้แนะแก้ปัญหาให้ เอาจริงๆคนที่มาระบายก็รู้หลักการหมดแหละ แต่มันทำไม่ได้หรอกตอนที่อารมณ์ครอบงำขนาดนั้น เราต้องปล่อยก๊อกให้ฟองอารมณ์ถูกปลดปล่อยไหลออกมาก่อน พอจิตใจสบายแล้วค่อยว่าเรื่องแนวทางที่สมควรกระทำต่อไป