ไม่มีใครเพอร์เฟ็ค แม้แต่เราเอง

อย่าหาความสมบูรณ์แบบจากคนอื่น ในเมื่อเราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบ

การด่า หรือต่อว่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะเป็นการสาดอารมณ์ใส่อีกฝ่ายหนึ่ง อย่าว่าแต่คนถูกด่า ถูกต่อว่าเลยที่จะเสียความรู้สึก คนที่ได้รับผลนั้นมากที่สุด ในระยะยาวกลับคือผู้ที่ด่า หรือต่อว่าคนอื่นนั่นเอง เพราะจะเพาะนิสัยเพ่งโทษคนอื่น มองหาแต่ข้อเสียของคนอื่น และสุดท้ายจะมองหาแม้แต่ข้อเสียของตัวเอง และผลพวงดังกล่าวน่ากลัวมาก คือจะรู้สึกตัวเองมีแต่ข้อบกพร่อง ไม่สามารถสมบูรณ์แบบอย่างที่ตัวเองอยากให้เป็นได้ ในที่สุดก็จะสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่เห็นในคุณค่าของตัวเอง และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ในที่สุด

ที่ฉันเขียนได้ เพราะที่เขียนข้างบนนั้นคือฉันเอง กว่าจะรู้ตัวฉันก็กลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบ แม้ฉันจะทำอะไรต่างๆได้มากมาย ที่ใครๆก็ชม แต่ฉันกลับไม่ภาคภูมิใจอะไรเลย มัวแต่มองหาสิ่งที่ยังทำไม่ได้ ยังไม่สำเร็จ และก็มีนิสัยเพ่งโทษคนอื่นมากขึ้น

เมื่อฉันเริ่มรู้ตัว ฉันก็เริ่มฝึกที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบทั้งของตัวเองและผู้อื่น สิ่งที่ได้มาคือ มีความเมตตาต่อตัวเองและคนอื่นมากขึ้น อภัยให้คนอื่นมากขึ้น เพ่งโทษน้อยลง มองหาส่วนดีมากขึ้น
และผลดีที่ดีมากๆเลยคือฉันมีความสุขมากขึ้นค่ะ

เพราะฉะนั้นอย่าสาดอารมณ์ใส่กันเลยค่ะ โกรธทุกคนมีได้ แต่ถ้าเราไม่คิดลบต่อ มันจะไม่ยืดยาว เมื่อหายโกรธแล้ว ให้พึงระลึกว่าเรากับเขาไม่แตกต่างกัน เพราะวันที่เราตายหรือเขาตายเหมือนกันเปีียบ เสื้อผ้าสักตัว เงินสักบาท ยังเอาไปไม่ได้ เขาเองก็มีข้อบกพร่อง เราเองก็มีข้อบกพร่อง หนำซ้ำถ้าพิจารณาดูดีๆ จะเห็นว่าข้อบกพร่องบางทีมันอันเดียวกันด้วยซ้ำ เพราะอะไรหรือคะ เพราะเราเจ็บใจตัวเองในเรื่องนั้นที่เราทำได้ไม่ดี ลึกๆเลยอยากหาเพื่อนที่มีข้อด้อยเดียวกัน ใจลึกๆจะได้รู้สึกว่าเราไม่ได้ด้อย ไม่ใช่ข้าเว้ยที่เป็นคนเดียวแถมข้ายังดีกว่า เพราะ…….(เรามักเติมจุดเหล่านี้ ด้วยคำที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเหนือกว่าอีกฝ่าย) นี่เป็นกลไกการปลอบใจของตัวเราเองนั่นเองค่ะ

ถ้าเรารู้สึกว่าเขาทำไม่เข้าท่า ก็ลองเรียนรู้สถานการณ์ที่เขาเผชิญว่าปัญหาคืออะไร มีปัจจัยอะไรเกี่ยวข้องบ้าง สาเหตุคืออะไร และช่วยเขาคิดว่าการแก้ปัญหานั้นมีแนวทางอะไรบ้าง และแนะนำเขาค่ะว่าควรทำอย่างไรให้ดีขึ้น โดยไม่ใช้อารมณ์จะดีกว่านะคะ รักษาใจให้สบายไว้ดีกว่าค่ะ